การแบ่งพาร์ติชั่น หมายถึงการแบ่งพื้นที่ของฮาร์ดดิส (HardDisk) ก็เป็นไดร์ฟ (Drive) ต่าง ๆ ตั้งแต่ C ไปได้เรื่อย ๆ ตามจำนวนเนื้อที่ของฮาร์ดดิสก์ที่มีอยู่เพื่อจัดสรรพื้นที่เก็บข้อมูลให้ได้คุ้มค่าและมากที่สุด


การทำให้ฮาร์ดดิสก์เปลี่ยนสถานะจากของใหม่ๆ ที่เพิ่งผลิตจากโรงงานมาเป็นฮาร์ดดิสก์ที่มีการติดตั้ง DOS หรือ Windows9x จะต้องผ่าน 3 ขั้นตอน คือ การทำ Format ทางกายภาพ (Physical Formatting) การสร้างพาร์ติชั่น (Partitioning) และการ Format ทางลอจิคอล (Logical Formatting) เพื่อทำความเข้าใจว่าแต่ละขั้นตอนทำงานอย่างไร เราลองมาดูสรุปเกี่ยวกับการทำงานของฮาร์ดดิสก์ดังนี้
ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk) คือ อุปกรณ์กลไกที่ประกอบด้วยแผ่นจาน (โลหะกลมขนาดเล็กใช้สำหรับบรรจุแม่เหล็กบนด้านทั้งสอง) ซ้อนๆกัน มีแกนหมุน และมีหัวอ่าน/เขียน ข้อมูล ทำหน้าอ่านและเขียนข้อมูลจากแผ่นจาน หัวอ่านและเขียนจะเป้นตัวทำให้ประจุแม่เหล็กถูกเก็บลงบนจาน (กลายเป็นบิตต่างๆ) เมื่อคุณสั่งให้โปรแกรมอ่านไฟล์จากดิสก์ แผ่นจานจะหมุนไปรอบๆแกน แล้วหัวอ่านจะเลื่อนกลับไปกลับมาจนกระทั่งเจอบิตที่ต้องการ จากนั้นซอฟต์แวร์ในฮาร์ดดิสก์และตัวควบคุมฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk Controller) จะอ่านข้อมูลในบิตนั้นลงไปใน Ram และเมื่อคุณทำการบันทึกข้อมูล คอมพิวเตอร์จะส่งชุดของบิตไปยังฮาร์ดดิสก์ และบันทึกด้วยหัวเขียนกลายเป็นประจุแม่เหล็กบนฮาร์ดดิสก์
กลับมาเรื่องคอมพิวเตอร์กันต่อ ฮาร์ดดิสก์ของคุณจะยังใช้การไม่ได้จนกว่าจะผ่านขั้นตอนการ Format และการทำพาร์ติชั่น ขั้นแรก คือการ Format ทางกายภาพ หรือ Low-Level Format ส่วนใหญ่ผู้ผลิตจะทำมาให้แล้ว (สำหรับไดรว์รุ่นเก่าๆหรือไดรว์แบบ SCSI นั้น จะมียูทิลิตี้ใรการทำ Low-Level Format ส่วน IDE จะไม่มียูทิลิตี้ดังกล่าว) การทำ Low-Level Format เป็นการกำหนดโครงสร้างฮาร์ดดิสก์ให้เป็นแทร็ก (Track) , เซ็กเตอร์ (Sector) , และไซลินเดอร์ (Cylinder) คุณจะคุ้นเคยกับคำเหล่านี้ถ้าคุณเป็นคนชอบติดตั้งฮาร์ดดิสก์
แทร็กมีลักษณะเหมือนร่องบนแผ่นเสียง แต่แทร็กแต่ละวงจรจะแยกจากกัน ไม่ได้เป็นวงต่อๆกันเหมือนอย่างบนแผ่นเสียง แทร็กจะถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆเรียกว่าเซ็กเตอร์ แต่ละเซ็กเตอร์สามารถเก็บข้อมูลได้มากมาย แต่ละแผ่นจานจะมีแทร็กและเซ็กเตอร์เป็นของตัวเอง แต่ละไซลินเดอร์ก็คือ กลุ่มแทร็กที่สัมพันธ์กัน ซึ่งก็คือแทร็กที่มีระยะห่างจากแกนหมุนเท่าๆกันนั่นเอง เราลองมานึกถึงภาพไซลินเดอร์กัน สมมุติว่ามีแพนเค้กวางซ้อนกันอยู่ และมีแก้วน้ำจำนวนหนึ่ง ซึ่งแต่ละแก้วมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เท่ากัน กดแก้วแต่ละใบตรงกลางของกองแพนเค้ก ทำอย่างนี้จนครบทุกแก้ว แพนแค้กจะถูกแบ่งออกเป็นวงๆตลอดทั้งกอง นั่นคือลักษณะของไซลินเดอร์
การทำให้ฮาร์ดดิสก์เปลี่ยนสถานะจากของใหม่ๆ ที่เพิ่งผลิตจากโรงงานมาเป็นฮาร์ดดิสก์ที่มีการติดตั้ง DOS หรือ Windows9x จะต้องผ่าน 3 ขั้นตอน คือ การทำ Format ทางกายภาพ (Physical Formatting) การสร้างพาร์ติชั่น (Partitioning) และการ Format ทางลอจิคอล (Logical Formatting) เพื่อทำความเข้าใจว่าแต่ละขั้นตอนทำงานอย่างไร เราลองมาดูสรุปเกี่ยวกับการทำงานของฮาร์ดดิสก์ดังนี้
ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk) คือ อุปกรณ์กลไกที่ประกอบด้วยแผ่นจาน (โลหะกลมขนาดเล็กใช้สำหรับบรรจุแม่เหล็กบนด้านทั้งสอง) ซ้อนๆกัน มีแกนหมุน และมีหัวอ่าน/เขียน ข้อมูล ทำหน้าอ่านและเขียนข้อมูลจากแผ่นจาน หัวอ่านและเขียนจะเป้นตัวทำให้ประจุแม่เหล็กถูกเก็บลงบนจาน (กลายเป็นบิตต่างๆ) เมื่อคุณสั่งให้โปรแกรมอ่านไฟล์จากดิสก์ แผ่นจานจะหมุนไปรอบๆแกน แล้วหัวอ่านจะเลื่อนกลับไปกลับมาจนกระทั่งเจอบิตที่ต้องการ จากนั้นซอฟต์แวร์ในฮาร์ดดิสก์และตัวควบคุมฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk Controller) จะอ่านข้อมูลในบิตนั้นลงไปใน Ram และเมื่อคุณทำการบันทึกข้อมูล คอมพิวเตอร์จะส่งชุดของบิตไปยังฮาร์ดดิสก์ และบันทึกด้วยหัวเขียนกลายเป็นประจุแม่เหล็กบนฮาร์ดดิสก์
กลับมาเรื่องคอมพิวเตอร์กันต่อ ฮาร์ดดิสก์ของคุณจะยังใช้การไม่ได้จนกว่าจะผ่านขั้นตอนการ Format และการทำพาร์ติชั่น ขั้นแรก คือการ Format ทางกายภาพ หรือ Low-Level Format ส่วนใหญ่ผู้ผลิตจะทำมาให้แล้ว (สำหรับไดรว์รุ่นเก่าๆหรือไดรว์แบบ SCSI นั้น จะมียูทิลิตี้ใรการทำ Low-Level Format ส่วน IDE จะไม่มียูทิลิตี้ดังกล่าว) การทำ Low-Level Format เป็นการกำหนดโครงสร้างฮาร์ดดิสก์ให้เป็นแทร็ก (Track) , เซ็กเตอร์ (Sector) , และไซลินเดอร์ (Cylinder) คุณจะคุ้นเคยกับคำเหล่านี้ถ้าคุณเป็นคนชอบติดตั้งฮาร์ดดิสก์
แทร็กมีลักษณะเหมือนร่องบนแผ่นเสียง แต่แทร็กแต่ละวงจรจะแยกจากกัน ไม่ได้เป็นวงต่อๆกันเหมือนอย่างบนแผ่นเสียง แทร็กจะถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆเรียกว่าเซ็กเตอร์ แต่ละเซ็กเตอร์สามารถเก็บข้อมูลได้มากมาย แต่ละแผ่นจานจะมีแทร็กและเซ็กเตอร์เป็นของตัวเอง แต่ละไซลินเดอร์ก็คือ กลุ่มแทร็กที่สัมพันธ์กัน ซึ่งก็คือแทร็กที่มีระยะห่างจากแกนหมุนเท่าๆกันนั่นเอง เราลองมานึกถึงภาพไซลินเดอร์กัน สมมุติว่ามีแพนเค้กวางซ้อนกันอยู่ และมีแก้วน้ำจำนวนหนึ่ง ซึ่งแต่ละแก้วมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เท่ากัน กดแก้วแต่ละใบตรงกลางของกองแพนเค้ก ทำอย่างนี้จนครบทุกแก้ว แพนแค้กจะถูกแบ่งออกเป็นวงๆตลอดทั้งกอง นั่นคือลักษณะของไซลินเดอร์
จุดประสงค์ในการแบ่งพาร์ติชั่น
1. เพื่อทำให้ฮาร์ดดิสก์สามารถ Boot ด้วยตัวเองได้ เรียกว่า การ Set Active Partition
2. เพิ่มจำนวนไดร์ฟให้มากขึ้น เพื่อต้องการเก็บข้อมูลที่สำคัญไว้เป็นสัดส่วน
3. ลดขนาดของฮาร์ดดิสก์ให้เล็กลง เพื่อนำฮาร์ดดิสก์ที่มีขนาดใหญ่ไปใช้กับเครื่องรุ่นเก่าได้
จุดประสงค์ในการแบ่งพาร์ติชั่น
1. เพื่อทำให้ฮาร์ดดิสก์สามารถ Boot ด้วยตัวเองได้ เรียกว่า การ Set Active Partition
2. เพิ่มจำนวนไดร์ฟให้มากขึ้น เพื่อต้องการเก็บข้อมูลที่สำคัญไว้เป็นสัดส่วน
3. ลดขนาดของฮาร์ดดิสก์ให้เล็กลง เพื่อนำฮาร์ดดิสก์ที่มีขนาดใหญ่ไปใช้กับเครื่องรุ่นเก่าได้
การ Format ฮาร์ดดิสก์
หลังการทำ Partition HDD แล้ว จะต้องทำการ Format ฮาร์ดดิสก์ ก่อนที่จะติดตั้ง OS เช่น Windows
โดยในการ Format ฮาร์ดดิสก์ สามารถกำหนดการใช้งานระบบ FAT ได้ 2 รูปแบบคือ
1. ระบบ FAT 16 แนะนำให้ใช้แผ่นบูต DOS 6.22 เหมาะสำหรับการลงโปรแกรม Windows 3.11 , 95 , 98 หรือ Windows NT
2. ระบบ FAT 32 แนะนำให้ใช้แผ่น Startup Windows 98 เหมาะสำหรับการลงโปรแกรม Windows 98, Windows 2000 , Windows ME
โดยในการ Format ฮาร์ดดิสก์ สามารถกำหนดการใช้งานระบบ FAT ได้ 2 รูปแบบคือ
1. ระบบ FAT 16 แนะนำให้ใช้แผ่นบูต DOS 6.22 เหมาะสำหรับการลงโปรแกรม Windows 3.11 , 95 , 98 หรือ Windows NT
2. ระบบ FAT 32 แนะนำให้ใช้แผ่น Startup Windows 98 เหมาะสำหรับการลงโปรแกรม Windows 98, Windows 2000 , Windows ME

3. การ Format ฮาร์ดดิสก์ ให้พาร์ทิชั่นแรกสามารถบูตเครื่องได้ให้ใช้คำสั่ง
C:\>format C:/s/c/u
คำสั่ง /s หมายถึง ให้ติดตั้ง Sysytem Files เพื่อบูตเครื่องได้
คำสั่ง /c หมายถึง การตรวจสอบฮาร์ดดิสก์แบบ Complete เพื่อหาตำแหน่งเนื้อที่ที่เสียหาย (Bad Sector)
คำสั่ง /u หมายถึง ไม่ต้องการกู้สิ่งใดกลับคืนหลังการ Format แล้ว
การ Format ฮาร์ดดิสก์จะมีการถามยืนยันว่า คุณกำลัง Format ฮาร์ดดิสก์ ข้อมูลจะสูญหาย จะทำต่อหรือไม่ ตอบ Y เพื่อทำการ Format
4. หลังจาก Format เสร็จสิ้นแล้วให้ใส่ Volume Label (ชื่อฮาร์ดดิสก์ใส่ได้ 11 ตัวอักษร) ถ้าไม่ต้องการให้ Enter ผ่านไป หลังจาหนั้นสามารถติดตั้ง Windos และ โปรแกรมใช้งาน ตามต้องการต่อไป

การติดตั้ง Windows หลังจาก Format ฮาร์ดดิสก์ นั้น เริ่มจากการทำให้คอมพิวเตอร์ติดต่อกับ Cd-Rom ได้ โดยการใช้แผ่น Startup Windows 98 Boot แล้วเลือกข้อ 1 หรือ Setup Driver ของ Cd-Rom จากแผ่น Driver ของ Cd-Rom ลงในฮาร์ดดิสก์โดยตรง แล้ว Restart เครื่องใหม่เพื่อลง Windows จากแผ่น CD ติดตั้งของ Windows ต่อไป
การคำนวณเนื้อที่ความจุของฮาร์ดดิสก์
สูตรการคำนวณคือ
ความจุฮาร์ดดดิสก์ = จำนวนหัวอ่าน x จำนวนเซ็คเตอร์ในหนึ่งไซลินเดอร์ x จำนวนไบต์ในหนึ่งเซ็คเตอร์ x จำนวนไซลินเดอร์
ความจุในหนึ่งไซลินเดอร์ = จำนวนหัวอ่าน x จำนวนเซ็คเตอร์ในหนึ่งไซลินเดอร์ x จำนวนไบต์ในหนึ่งเซ็คเตอร์
ความจุในหนึ่งไซลินเดอร์ = จำนวนหัวอ่าน x จำนวนเซ็คเตอร์ในหนึ่งไซลินเดอร์ x จำนวนไบต์ในหนึ่งเซ็คเตอร์
ตัวอย่างเช่นฮาร์ดดิสก์ที่มีหัวอ่าน 4 หัว มี 615 ไซลินเดอร์ๆละ 17 เซ็คเตอร์ๆละ 0.5 กิโลไบต์(512 ไบต์) จะได้
ความจุฮาร์ดดิสก์ = 4 x 17 x 0.5 x 615 = 20,910 KB หรือ 20 MB
ความจุในหนึ่งไซลินเดอร์ = 4 x 17 x 0.5 = 34 KB
ความจุฮาร์ดดิสก์ = 4 x 17 x 0.5 x 615 = 20,910 KB หรือ 20 MB
ความจุในหนึ่งไซลินเดอร์ = 4 x 17 x 0.5 = 34 KB
คราวนี้คุณก็สามารถกำหนดขนาดของความจุของแต่ละพาร์ทิชั่นจากการกำหนดจำนวนไซลินเดอร์ได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าให้พาร์ทิชั่นมีจำนวน 200 Cylinders ก็จะมีขนาด 6,800 KB เป็นต้น
สำหรับฮาร์ดดิสก์ของคุณจะมีจำนวนหัวอ่าน, จำนวนไซลินเดอร์, จำนวนเซ็คเตอร์ในหนึ่งไซลินเดอร์ และจำนวนไบต์ในหนึ่งเซ็คเตอร์เป็นเท่าใด ให้ตรวจสอบจากผู้ขาย หรือเอกสารที่แนบมากับฮาร์ดดิสก์
ระบบจัดเก็บไฟล์ในระบบปฏิบัติการต่างๆ
ระบบปฏิบัติการ | ระบบไฟล์ที่สนับสนุน |
MS DOS 6.22 | FAT 16 |
Windows 3.1 | FAT 16 |
Windows 95 และ 95A | FAT 16 |
Windows 95B และ 95C | FAT 16 , FAT 32 |
Windows 98 และ Me | FAT 16 , FAT 32 |
Windows NT4 | FAT 16 , NTFS (SP4) |
Windows 2000 | FAT 16 , FAT32 , NTFS |
Windows XP | FAT 32 , NTFS |
นายอิทธิพัฒน์ ล้ำเลิศวรวิทย์ ม.5/1 เลขที่ 18
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น